5 เหตุผลที่ควรใช้เส้นใยเหล็กแทนการใช้เหล็กเสริมแบบเดิม
ทำไมเราจึงควรเลือกใช้เส้นใยเหล็กแทนการใช้เหล็กเสริมแบบดั้งเดิม

ในวงการก่อสร้างยุคใหม่ “นวัตกรรมวัสดุ” เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้โครงการต่าง ๆ มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งในแง่ความแข็งแรง อายุการใช้งาน และ ความคุ้มค่าของงบประมาณ หนึ่งในวัสดุที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือ “เส้นใยเหล็ก (Steel Fiber)” ซึ่งถูกนำมาใช้แทน “เหล็กเสริมแบบดั้งเดิม (Rebar)” ในคอนกรีตหลายๆประเภท ตั้งแต่พื้นโรงงาน ถนน ลานจอดรถ ไปจนถึงโครงสร้างอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ดังนั้นบทความนี้เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า เส้นใยเหล็ก คืออะไร ใช้งานอย่างไร และ เพราะเหตุใดจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่าการใช้เหล็กเสริมแบบเดิม พร้อมเจาะลึก 5 เหตุผลหลัก ที่ควรพิจารณานำวัสดุนี้มาใช้ในโครงการของคุณ
เส้นใยเหล็ก (Steel Fiber) คือ อะไร?
ต้องเข้าใจก่อนว่าเส้นใยเหล็ก คือ เส้นโลหะขนาดเล็กที่ถูกออกแบบมาเพื่อผสมในเนื้อคอนกรีตโดยตรง เพื่อเพิ่มความแข็งแรง และ ความเหนียวของคอนกรีต เส้นใยเหล่านี้มักทำจากเหล็กกล้าคาร์บอนคุณภาพสูง มีรูปร่างหลายแบบ เช่น แบบตรง (Straight) , แบบงอปลาย (Hooked-End) , แบบคลื่น (Wavy) และ แบบหยัก (Crimped) โดยเมื่อผสมลงในคอนกรีต เส้นใยจะกระจายตัวทั่วเนื้อคอนกรีต เพื่อทำหน้าที่คล้ายโครงข่ายเสริมแรงขนาดจิ๋ว ช่วยให้คอนกรีตต้านแรงดึง แรงกระแทก และ ลดการแตกร้าวได้ดียิ่งขึ้น
5 สาเหตุที่ทำไมเราจึงควรใช้เส้นใยเหล็กแทนการใช้เหล็กเสริมแบบเดิม
- เพิ่มความแข็งแรง และ ความเหนียวของคอนกรีต ลดการแตกร้าว
หนึ่งในเหตุผลหลักที่ควรใช้เส้นใยเหล็กแทนเหล็กเสริมแบบเดิมคือการเพิ่มความแข็งแรง และ ความเหนียว (Toughness) ของคอนกรีต ทำให้โครงสร้างทนต่อแรงดึง แรงกระแทก และ การสั่นสะเทือนได้ดีกว่า ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในโครงสร้างอาคาร สะพาน และ พื้นโรงงานในไทยที่ต้องรับน้ำหนักและ สภาพอากาศรุนแรง โดยเส้นใยเหล็กที่ผสมลงในคอนกรีตยังช่วยกระจายแรงให้ทั่วถึง ลดการแตกร้าวจาก shrinkage (การหดตัว) และ cracking (การแตก) ได้ถึง 50-70% ในทางตรงกันข้าม เหล็กเสริมแบบเดิมรับแรงได้เฉพาะจุดที่ผูกมัด ทำให้เกิดจุดอ่อน และ แตกร้าวง่ายเมื่อคอนกรีตหดตัวจากความร้อน หรือ ชื้น นอกจากนี้ ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่สนิมเป็นปัญหาใหญ่ เส้นใยเหล็กที่ผสมลงคอนกรีตยังช่วยป้องกันการกัดกร่อนเพราะไม่ต้องผูกมัด และ สัมผัสอากาศน้อยกว่านั้นเอง - ลดต้นทุน และ เวลาในการก่อสร้าง – ประหยัดทั้งเงิน และ แรงงาน
เหตุผลที่สองที่ควรใช้เส้นใยเหล็ก คือ การลดต้นทุน และ เวลาในการก่อสร้าง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยที่ต้นทุนแรงงาน และ วัสดุเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อปี เหล็กเสริมแบบเดิมต้องใช้แรงงานผูกเหล็ก และ วางในแบบ ซึ่งใช้เวลา 20-30% ของกระบวนการเทคอนกรีต ขณะที่เส้นใยเหล็กผสมลงในคอนกรีตโดยตรงที่หน้างานได้เลย ทำให้ลดเวลา และ แรงงานลงถึง 30-50% นอกจากนี้ เส้นใยเหล็กไม่ต้องสั่งตัด หรือ ผูกมัด ทำให้ลดค่าใช้จ่ายวัสดุ และ แรงงานลง 15-25% โดยนอกจากนี้ การลดเวลายังช่วยให้โครงการเสร็จเร็วขึ้น และ ลดค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้นในไทยได้อย่างมาก - ลดการกัดกร่อน และ ยืดอายุการใช้งานของโครงสร้าง
เหตุผลที่สาม คือ เส้นใยเหล็กช่วยลดการกัดกร่อน (Corrosion) ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของเหล็กเสริมแบบเดิมในสภาพอากาศร้อนชื้น และ เค็มจากไอทะเลของไทย โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งอย่างพัทยา หรือสมุทรปราการที่สนิมอาจทำให้โครงสร้างเสื่อมเร็วกว่าปกติ เหล็กเสริมแบบเดิมจะสัมผัสอากาศ และ น้ำทำให้เกิดสนิม และ คอนกรีตแตก แต่เส้นใยเหล็กผสมในคอนกรีตจะทำให้ลดช่องว่าง และ ป้องกันการเกิดสนิมได้ดีกว่า การใช้เส้นใยเหล็กยังช่วยยืดอายุโครงสร้างได้ถึง 20-50 ปี และ ช่วยลดค่าซ่อมบำรุงลงถึง 40% เลยทีเดียว นอกจากนี้ การลดการกัดกร่อนยังช่วยให้โครงสร้างปลอดภัย และ ลดอุบัติเหตุจากคอนกรีตแตกร้าวได้อีกด้วย - เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ ยั่งยืนกว่า
เหตุผลที่สี่ คือ เส้นใยเหล็กเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเหล็กเสริมแบบเดิม เพราะผลิตจากเหล็กรีไซเคิล และ ใช้ปริมาณน้อยกว่า ทำให้ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ลงถึง 15-25% ในยุคที่ไทยเน้นสิ่งแวดล้อมด้าน BCG การใช้เส้นใยเหล็กยังช่วยลดการใช้เหล็กเส้น และ พลังงานในการผลิต โดยเส้นใยเหล็กยังรีไซเคิลได้ง่ายกว่าเหล็กเส้นที่ต้องตัด และ แยกชิ้นด้วย นอกจากนี้ การใช้เส้นใยเหล็กยังช่วยลดขยะเหล็กเส้นที่เหลือจากการก่อสร้างลงได้อีก - ยืดหยุ่นในการออกแบบ และ ใช้งานหลากหลาย – ตอบโจทย์โครงการสมัยใหม่
เหตุผลที่ห้า คือ เส้นใยเหล็กให้ความยืดหยุ่นในการออกแบบ และ ใช้งานที่หลากหลายกว่าเหล็กเสริมแบบเดิม เพราะผสมลงคอนกรีตโดยตรง ทำให้ออกแบบโครงสร้างที่ซับซ้อนได้ง่ายกว่า เช่น พื้นบาง หรือ ผนังโค้งที่ไม่ต้องผูกเหล็ก ซึ่งในโครงการสมัยใหม่ที่ต้องการดีไซน์ที่สร้างสรรค์ เส้นใยเหล็กจะช่วยลดข้อจำกัด และ เพิ่มความสวยงามในโครงสร้างได้ด้วย
จากที่กล่าวมาจะพบว่าเส้นใยเหล็กอาจยังไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกงาน แต่สำหรับโครงการที่เน้น “ความแข็งแรง ความรวดเร็ว และ ความคุ้มค่า” มัน คือ ทางเลือกที่ควรพิจารณาอย่างจริงจัง เพราะนี่คืออีกก้าวหนึ่งของวิวัฒนาการในโลกวัสดุก่อสร้าง ที่กำลังเปลี่ยนวิธีคิด และ วิธีการทำงานของวงการก่อสร้างในศตวรรษใหม่อย่างแท้จริง
ดังนั้นหากสนใจการก่อสร้างรูปแบบใหม่ที่มีความแข็งแรงจากเส้นใยเหล็กเราขอแนะนำ บริษัท เจตริน เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ที่ทำให้ท่านมั่นใจในคุณภาพ รวมทั้งบริการก่อน และ หลังการขายที่ได้มาตรฐาน เรารับออกแบบ และ สร้างโรงงานที่ได้มาตราฐานโดยการใช้ เส้นใยเหล็ก และ โครงสร้าง BlueScope ที่จะสอดคล้องลงตัวกับทุกความต้องการของคุณ ด้วยเทคนิคการก่อสร้าง และ วัสดุที่ทันสมัยที่สุดในราคาคนไทย และ โดดเด่นด้วยคุณสมบัติหลายประการนั้นเอง
สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านช่องทางเหล่านี้เลย
Tel. : 092-546-5532
Tel. : +66 75-329-039 (Office)
Line ID : @jet65
Email : jettarin@jettarinengineering.co.th
(Head Office)
146/25 M.7 T. Chamai, A. Thung Song, Nakhon Si Thammarat, 80110 THAILAND
(Chiang Mai Branch)
62 M.2 T. Pa Pong A. Doi Saket, Chiang Mai 50220 THAILAND
เจตริน เอ็นจิเนียริ่ง ผู้นำที่จอดรถสำเร็จรูป ก่อสร้างโรงงาน โกดังสำเร็จรูป โดยนวัตกรรมใหม่ที่ทันสมัย ระดับสากล



